เมนู

ท่าน."
พราหมณ์. ท่านไปเกิดในภพไหน ?
เทพบุตร. ในภพดาวดึงส์.
เมื่อพราหมณ์ถามว่า "เพราะทำกรรมอะไร ?" เขาจักบอกว่า เขา
เกิดเพราะจิตที่เลื่อมใสในเรา. พราหมณ์จักถามเราว่า "ขึ้นชื่อว่า ความ
ทำจิตให้เลื่อมใสในพระองค์ (เท่านั้น) แล้วไปเกิดในสวรรค์ มีหรือ ?"
ทีนั้น เราจักตอบว่า "ไม่มีใครอาจจะกำหนดด้วยการนับได้ว่า มี
ประมาณเท่านั้นร้อย หรือเท่านั้นพัน หรือเท่านั้นแสน" ดังนี้แล้ว จัก
ภาษิตคาถาในธรรมบท. ในกาลจบคาถา ความตรัสรู้ธรรม จักมีแก่
สัตว์ประมาณแปดหมื่นสี่พัน. มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร จักเป็นพระโสดาบัน;
ถึงอทินนปุพพกพราหมณ์ก็เหมือนกัน. อาศัยกุลบุตรนี้ ความบูชาธรรม
เป็นอันมากจักมี ด้วยประการฉะนี้, ในวันรุ่งขึ้น ทรงทำความปฏิบัติ
(ชำระ) พระสรีระเสร็จแล้ว อันภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่แวดล้อมแล้ว เสด็จ
เข้าไปสู่กรุงสาวัตถี เพื่อบิณฑบาต เสด็จถึงประตูเรือนของพราหมณ์
โดยลำดับ.

มัฏฐกุณฑลีทำใจให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า


ในขณะนั้น มัฏฐกุณฑลีมาณพ กำลังนอนผินหน้าไปข้างในเรือน
พระศาสดาทรงทราบว่าไม่เห็นพระองค์, จึงได้เปล่งพระรัศมีในวาบหนึ่ง.
มาณพคิดว่า "นี่แสงสว่างอะไร?" จึงนอนพลิกกลับมา เห็นพระศาสดา
แล้ว คิดว่า "เราอาศัยบิดาเป็นอันธพาล จึงไม่ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
เห็นปานนี้แล้ว ทำความขวนขวายด้วยกาย หรือถวายทาน หรือฟัง

ธรรม, เดี๋ยวนี้แม้แต่มือสองข้างของเราก็ยกไม่ไหว. กิจที่ควรทำอย่างอื่น
ไม่มี" ดังนี้แล้ว ได้ทำใจเท่านั้นให้เลื่อม

เพราะใจเลื่อมใสทำกาละไปเกิดในเทวโลก
พระศาสดาทรงพระดำริว่า "พอละ ด้วยการที่มาณพนี้ทำใจให้
เลื่อมใส ประมาณเท่านั้น" ก็เสด็จหลีกไปแล้ว. เมื่อพระตถาคตพอ
กำลังเสด็จลับตาไป, มาณพนั้นมีใจเลื่อมใส ทำกาละแล้ว เป็นประดุจ
ดังว่า หลับแล้วกลับตื่นขึ้น ไปเกิดในวิมานทองสูงประมาณ 30 โยชน์
ในเทวโลก.

พราหมณ์คร่ำครวญถึงบุตร


ฝ่ายพราหมณ์ทำฌาปนกิจสรีระมาณพนั้นแล้ว ได้มีแต่การร้องให้
เป็นเบื้องหน้า, ไปที่ป่าช้า ทุกวัน ๆ ร้องให้พลางบ่นพลางว่า "เจ้าลูก
คนเดียวของพ่ออยู่ที่ไหน ? เจ้าลูกคนเดียวของพ่ออยู่ที่ไหน ?"

เทพบุตรจำแลงกายไปหาพราหมณ์


(แม้) เทพบุตรแลดูสมบัติของตนแล้ว คิดว่า "สมบัตินี้เราได้
ด้วยกรรมอะไร ?" เมื่อพิจารณาไปก็รู้ว่า "ได้ด้วยใจที่เลื่อมใสใน
พระศาสดา" ดังนี้แล้ว จึงคิดต่อไปว่า "พราหมณ์ผู้นี้ ในกาลเมื่อเรา
ไม่สบาย หาได้ให้หมอประกอบยาไม่ เดี๋ยวนี้สิ ไปป่าช้าร้องให้อยู่,
ควรที่เราจะทำแกให้ถึงประการอันแปลก" ดังนี้แล้วจึงจำแลงตัวเหมือน
มัฏฐกุณฑลีมาณพ มาแล้ว ได้กอดแขนยืนร้องไห้อยู่ ในที่ไม่ไกลป่าช้า.